ภาวะภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก แม้หลายพื้นที่ยังมีฝนตกอยู่ แต่เป็นไปตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ ประเทศไทยปีนี้มีปริมาณฝนน้อย ทำให้ไม่ได้ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อน ส่งผลให้เขื่อนหลักในหลายจังหวัดมีระดับน้ำลดปริมาณลงกว่าครึ่งของความจุอ่าง ภาพความเสียหายของพืชผลทางการเกษตรเริ่มปรากฏชัด “แต่ที่ ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีโครงการ “เกาะขันธ์ โมเดล” ตำบลจัดการตนเอง ด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับปัญหาการจัดการน้ำเพื่อภัยแล้ง”
นายโกเมศร์ ทองบุญชู (ผู้ใหญ่โกเมศร์) ผู้ประสานงานเครือข่ายการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน และ เศรษฐกิจตำบลเกาะขันธ์ อำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ภายใต้การสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ที่ตำบลเกาะขันธ์จัดการตนเอง คิดเรื่องการจัดการน้ำ หรือการก่อสร้างฝาย เนื่องมาจากว่า “ต้องการเก็บรักษาน้ำไว้ใช้ เน้นหนักเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากเกาะขันธ์นี้เป็นพื้นที่ ที่มีการทำอาชีพเรื่องไม้ผล การปลูกพืชผัก ภาคการเกษตรเป็นหลัก “น้ำ” คือปัจจัยสำคัญที่จะต้องจัดการให้เพียงพอต่อภาคการเกษตร ทางตำบลเกาะขันธ์เจอปัญหามาตลอด เรื่องของการขาดน้ำภาคการเกษตร”
นายสมศักดิ์ พรหมเกื้อ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.เกาะขันธ์ กล่าวว่าที่ ต.เกาะขันธ์ เป็นพื้นที่ ที่ค่อนข้างจะขาดแคลนน้ำ ถึงแม้ว่าจะมีระบบชลประทานก็จริงอยู่ “แต่ระบบน้ำในหมู่บ้านไม่ได้มีการบริหารจัดการอย่างถูกต้อง ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ก็เลยคิดขึ้นมาว่า น่าจะจัดการในเรื่องของการก่อสร้างฝาย”
ผู้ใหญ่โกเมศร์ ได้ลงพื้นที่พาไปดูฝายที่สำคัญอีกฝ่ายหนึ่งของต.เกาะขันธ์ ซึ่งฝายนี้กั้นน้ำเพื่อการทำนา และกล่าวต่อว่า ในอดีตเป็นทุ่งนาที่รกร้าง ว่างเปล่า ชาวนาไม่ได้ทำ เพราะว่าการทำนาถ้าขาดน้ำ ก็ขาดทุน ไม่สามารถทำเลยปล่อยทิ้งร้าง จนในที่สุดคณะกรรมการพัฒนา ต.เกาะขันธ์ได้กำหนดเรื่องของความมั่นคง ทหารได้มาฟื้นฟูเรื่องการทำนา โดยการสร้างฝายนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะกักเก็บน้ำเข้านา ซึ่งปัญหาก็มี การสร้างฝายโดยชุมชนปัญหาก็คือ ฝายนี้ก่อสร้างในช่วงที่มีน้ำเยอะ มีดินโคลน เยอะ มันซึม ดูแล้วมันไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ทำให้มีการวางแผนงานในการแก้ปัญหาฟื้นฟูในการก่อสร้างฝาย โดยการแก้ปัญหาเบื้องต้นคือ การใช้ไม้ ใช้ตัวบล็อกน้ำ บล็อกน้ำด้านบนไว้ก่อน แล้วก็เป็นฝายหินก่อผสมคอนกรีต จึงทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้ จึงต้องเร่งซ่อมเพื่อแก้ปัญหาให้สามารถรับน้ำ และเก็บน้ำไว้ให้เพียงพอต่อการทำนาในทุ่งลานนาแห่งนี้
ในส่วนของแหล่งเรียนรู้การจัดการน้ำ ระดับครัวเรือน นางลำยอง พานทอง ทางท่านผู้ใหญ่โกเมศร์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่คนต.เกาะขันธ์ เจอวิกฤติเรื่องภาวะภัยแล้ง ฝายตัวนี้เป็นตัวแรกสุดที่เป็นการจัดการน้ำระดับครัวเรือน ผลจากการจัดการน้ำทั้ง 6 ระดับ นั่นก็คือ ระบบนิเวศกลับคืนมาเห็นได้ชัดเจน สิ่งที่ได้ตามมาคือ ผลของการเกษตร ได้มังคุดซึ่งเป็นผลไม้หลัก และยังมี ทุเรียน เงาะ ลองกอง ทั้งผลผลิตและคุณภาพดีขึ้นและเพิ่มขึ้นในช่วงปี 57 -58 นั่นก็คือ มังคุด เงาะ ลองกอง ทุเรียน จะออกสองฤดู นี่คือขบวนการการจัดการน้ำ น้ำเป็นทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วเราจัดการได้ สุดท้ายทางผู้ใหญ่ตอบว่า ระบบการจัดการน้ำต.เกาะขันธ์ คือการสร้างอิสรภาพในการใช้น้ำของคนเกาะขันธ์ ไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ผู้ใหญ่โกเมศร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ชาวต.เกาะขันธ์ ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ได้สนับสนุนโครงการ “เกาะขันธ์จัดการตนเอง” ทำให้เป็น ‘ต้นแบบตำบลสุขภาวะ’
ภาวะภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก แม้หลายพื้นที่ยังมีฝนตกอยู่ แต่เป็นไปตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ ประเทศไทยปีนี้มีปริมาณฝนน้อย ทำให้ไม่ได้ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อน ส่งผลให้เขื่อนหลักในหลายจังหวัดมีระดับน้ำลดปริมาณลงกว่าครึ่งของความจุอ่าง ภาพความเสียหายของพืชผลทางการเกษตรเริ่มปรากฏชัด “แต่ที่ ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีโครงการ “เกาะขันธ์ โมเดล” ตำบลจัดการตนเอง ด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับปัญหาการจัดการน้ำเพื่อภัยแล้ง”
นายโกเมศร์ ทองบุญชู (ผู้ใหญ่โกเมศร์) ผู้ประสานงานเครือข่ายการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน และ เศรษฐกิจตำบลเกาะขันธ์ อำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ภายใต้การสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ที่ตำบลเกาะขันธ์จัดการตนเอง คิดเรื่องการจัดการน้ำ หรือการก่อสร้างฝาย เนื่องมาจากว่า “ต้องการเก็บรักษาน้ำไว้ใช้ เน้นหนักเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากเกาะขันธ์นี้เป็นพื้นที่ ที่มีการทำอาชีพเรื่องไม้ผล การปลูกพืชผัก ภาคการเกษตรเป็นหลัก “น้ำ” คือปัจจัยสำคัญที่จะต้องจัดการให้เพียงพอต่อภาคการเกษตร ทางตำบลเกาะขันธ์เจอปัญหามาตลอด เรื่องของการขาดน้ำภาคการเกษตร”
นายสมศักดิ์ พรหมเกื้อ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.เกาะขันธ์ กล่าวว่าที่ ต.เกาะขันธ์ เป็นพื้นที่ ที่ค่อนข้างจะขาดแคลนน้ำ ถึงแม้ว่าจะมีระบบชลประทานก็จริงอยู่ “แต่ระบบน้ำในหมู่บ้านไม่ได้มีการบริหารจัดการอย่างถูกต้อง ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ก็เลยคิดขึ้นมาว่า น่าจะจัดการในเรื่องของการก่อสร้างฝาย”
ผู้ใหญ่โกเมศร์ ได้ลงพื้นที่พาไปดูฝายที่สำคัญอีกฝ่ายหนึ่งของต.เกาะขันธ์ ซึ่งฝายนี้กั้นน้ำเพื่อการทำนา และกล่าวต่อว่า ในอดีตเป็นทุ่งนาที่รกร้าง ว่างเปล่า ชาวนาไม่ได้ทำ เพราะว่าการทำนาถ้าขาดน้ำ ก็ขาดทุน ไม่สามารถทำเลยปล่อยทิ้งร้าง จนในที่สุดคณะกรรมการพัฒนา ต.เกาะขันธ์ได้กำหนดเรื่องของความมั่นคง ทหารได้มาฟื้นฟูเรื่องการทำนา โดยการสร้างฝายนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะกักเก็บน้ำเข้านา ซึ่งปัญหาก็มี การสร้างฝายโดยชุมชนปัญหาก็คือ ฝายนี้ก่อสร้างในช่วงที่มีน้ำเยอะ มีดินโคลน เยอะ มันซึม ดูแล้วมันไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ทำให้มีการวางแผนงานในการแก้ปัญหาฟื้นฟูในการก่อสร้างฝาย โดยการแก้ปัญหาเบื้องต้นคือ การใช้ไม้ ใช้ตัวบล็อกน้ำ บล็อกน้ำด้านบนไว้ก่อน แล้วก็เป็นฝายหินก่อผสมคอนกรีต จึงทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้ จึงต้องเร่งซ่อมเพื่อแก้ปัญหาให้สามารถรับน้ำ และเก็บน้ำไว้ให้เพียงพอต่อการทำนาในทุ่งลานนาแห่งนี้
ในส่วนของแหล่งเรียนรู้การจัดการน้ำ ระดับครัวเรือน นางลำยอง พานทอง ทางท่านผู้ใหญ่โกเมศร์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่คนต.เกาะขันธ์ เจอวิกฤติเรื่องภาวะภัยแล้ง ฝายตัวนี้เป็นตัวแรกสุดที่เป็นการจัดการน้ำระดับครัวเรือน ผลจากการจัดการน้ำทั้ง 6 ระดับ นั่นก็คือ ระบบนิเวศกลับคืนมาเห็นได้ชัดเจน สิ่งที่ได้ตามมาคือ ผลของการเกษตร ได้มังคุดซึ่งเป็นผลไม้หลัก และยังมี ทุเรียน เงาะ ลองกอง ทั้งผลผลิตและคุณภาพดีขึ้นและเพิ่มขึ้นในช่วงปี 57 -58 นั่นก็คือ มังคุด เงาะ ลองกอง ทุเรียน จะออกสองฤดู นี่คือขบวนการการจัดการน้ำ น้ำเป็นทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วเราจัดการได้ สุดท้ายทางผู้ใหญ่ตอบว่า ระบบการจัดการน้ำต.เกาะขันธ์ คือการสร้างอิสรภาพในการใช้น้ำของคนเกาะขันธ์ ไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ผู้ใหญ่โกเมศร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ชาวต.เกาะขันธ์ ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ได้สนับสนุนโครงการ “เกาะขันธ์จัดการตนเอง” ทำให้เป็น ‘ต้นแบบตำบลสุขภาวะ’