ยุคนี้ไม่ว่าธุรกิจไหนๆก็ต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่รูปแบบออนไลน์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมการจับจ่ายที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ดังนั้นการสร้างพื้นที่ขายบนโลกออนไลน์จึงเป็นทางรอดที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ Magento คือหนึ่งในแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมจากเจ้าของกิจการทั่วโลก ตัวช่วยสร้างรายได้และพัฒนาระบบการขายอย่างไร้ขีดจำกัด บทความนี้จะพามาส่ง 8 ฟีเจอร์เด็ดของ Magento ที่จะทำให้การบริหารจัดการร้านค้าอีคอมเมิร์ซเป็นเรื่องง่าย
1.ระบบแบบ open source
Magento เป็นแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใช้การพัฒนาระบบหลังบ้านแบบ open source เปิดกว้างในการปรับปรุงแก้ไขโค้ดได้อย่างอิสระ ระบบโครงสร้างพื้นฐานมีความยืดหยุ่นสูง เอื้อให้นักพัฒนาสามารถออกแบบต่อเติมได้ตรงตามความต้องการของธุรกิจ
2.มีเทมเพลตสำเร็จรูป
Magento รองรับการใช้งานเริ่มต้นของธุรกิจด้วยเทมเพลตสำเร็จรูปและธีมการออกแบบที่มีให้เลือกมากมาย ทั้งนี้นักพัฒนายังสามารถปรับแต่งธีมได้ตามต้องการ มอบความสะดวกสบาย ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางเวลา ทำให้ธุรกิจเดินหน้าสู่โอกาสทางการค้าได้ทันที
3.ระบบการจัดการสินค้า
ในธุรกิจที่มีจำนวนสินค้าเยอะ มีความหลากหลายทางผลิตภัณฑ์ในแต่ละไลน์การผลิต ทำให้การบริหารจัดการมีความซับซ้อน เกิดปัญหาได้ง่าย Magento มีฟีเจอร์ตัวช่วยเจ้าของธุรกิจทั้งทางด้านการใส่ข้อมูลสินค้า ภาพประกอบ รหัสสินค้า การบริหารจำนวนสินค้าคงคลัง รองรับสินค้าจำนวนมากไว้ในที่้เดียว รวมไปถึงการระบุภาษีที่แตกต่างกันตามแต่ละประเทศ
4.ระบบวิเคราะห์และรายงานผล
การวิเคราะห์ผลลัพธ์ของยอดขายจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับปรุงธุรกิจในจุดที่ยังบกพร่อง คิดวางแผนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า มองเห็นทรัพยากรที่มีในมือและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Magento มีระบบรายงานผลในแต่ละส่วนแบบเรียลไทม์ เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการเชื่อมโยงกับ Google Analytics วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและพฤติกรรมผู้ซื้อ เพื่อการพัฒนาธุรกิจต่อไป
5.จัดการหลายธุรกิจ
ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยมีหน้าเว็บไซต์ออนไลน์สำหรับหลายธุรกิจ Magento เชื่อว่าการบริหารจัดการหลายเว็บไซต์ในพื้นที่ศูนย์กลางที่เดียวย่อมมีประสิทธิภาพเหนือกว่าทั้งในแง่เวลา ค่าใช้จ่าย กำลังรวมถึงการทำงานแบบไร้รอยต่อ จึงพัฒนาฟีเจอร์หลังบ้านเพื่อให้เจ้าของธุรกิจจัดการหลายเว็บไซต์บนหน้าแดชบอร์ดเดียว โดยสารมารถตั้งค่าผู้ที่มีบทบาทในการควบคุมแต่ละช่องทางได้ตามต้องการ
6.ระบบการทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
แน่นอนว่าการเดินทางของสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้ซื้อปลายทาง ธุรกิจต้องผ่านการร่วมมือของหลายฝ่าย Magento รองรับความร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบการจ่ายเงิน การส่งสินค้า ไปจนถึงการติดตามสินค้า เพื่อให้ร้านค้าสามารถส่งสินค้าได้ถึงมือผู้บริโภคอย่างไม่มีสะดุด
7.รองรับการทำ SEO
การออกแบบระบบหลังบ้านที่ช่วยสนับสนุนการทำ Search Engine Optimization ของ Magento จะช่วยส่งเสริมให้เว็บไซต์ธุรกิจไต่อันดับขึ้นหน้าแรกบนการค้นหาของ Google เพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้คน และเปลี่ยนการเยี่ยมชมเป็นยอดขายจริง ผู้ดูแลระบบสามารถเปลี่ยนแปลง URLs Meta Tags และ Keywords ต่างๆที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
8.เป็นมิตรต่อการใช้งานบนมือถือ
อย่างที่เห็นได้ชัดเจนว่าปัจจุบันกว่า 90% ผู้คนมักท่องโลกออนไลน์ผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟน เพราะง่ายต่อการพกพา ดังนั้นร้านค้าออนไลน์ที่มีเว็บไซต์แบบ Responsive สามารถรองรับทุกการใช้งานบนอุปกรณ์ที่หลากหลาย ภาพประกอบที่คมชัด การดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์ที่รวดเร็ว ช่วยสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้อย่างดี ซึ่ง Magento ได้คำนึงถึงจุดนี้และพัฒนาระบบมารองรับได้อย่างครอบคลุม
จะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการได้พยายามพัฒนาตัวช่วยธุรกิจออกมาให้ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของกิจการและผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเจ้าของธุรกิจควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เปรียบเทียบว่าระบบ Magento ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง รวมถึงพิจารณาความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจลงทุน